วิจารณ์ซีรีย์ครั้งที่
2 Mr.robot
“ซีรีย์มาแรงของปีที่แล้วที่มีมากกว่าการแฮ๊ค”
เป็นซีรีย์ที่เห็นว่าเป็นม้ามืดเพราะเปิดตัวมาแรง
โดยที่คะแนนในเว็บมะเขือเน่าสูงถึง 96%
เลย
เกริ่นกันก่อน
ซีรีย์นี้เป็นเรื่องราวของเอลเลียต
แอนเดอร์สัน ชายหนุ่มที่เป็นโรคกลัวการเข้าสังคม โดยที่ตอนกลางวันเขาคือวิศวกรธรรมดาๆคอยดูแลด้านความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ให้แก่บริษัท
แต่พอตกยามค่ำคืนเขากลับกลายเป็นศาลเตี้ยที่ใช้ความสามารถในการแฮ๊คที่เอาตามซีรีย์ก็คงต้องพูดว่าอัจฉริยะหนักมาก
มาแฮ๊คผู้คนที่เขาเชื่อว่ากำลังทำสิ่งที่ผิดกฎหมายอยู่ เอลเลียตใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งเขาเจอกับ Fsociety
ที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาและโลกทั้งใบไปตลอดกาล
เนื้อเรื่อง
ถ้าหากหวังว่าเรื่องนี้จะมีการแฮ๊คกันกลับไปกลับมาแบบมันส์ๆละก็.....
คิดใหม่คะ! เพราะการแฮ๊คในเรื่องนี้แล้วดูเหมือนจะเป็นพระรองที่โดนกลบความเด่น
เพราะ การเสียดสีประชดประชันสังคม ต่างหาก คือพระเอกหรือจุดประสงค์หลักของเรื่องที่แท้จริง
ซึ่งตีแผ่ประเด็นนี้ได้ออกมาน่าคิดมาก โดยที่เราจะรับรู้เรื่องราวต่างๆผ่านโลกที่พระเอกมองและคนรอบตัวของพระเอกสลับกันในบางครั้ง
ทั้ง 10 ตอนของซีซั่นแรก มีตอนที่อืดชวนหลับ
อาจจะเป็นเพราะการถ่ายทำที่ใช้สีหม่นๆ บุคลิกของพระเอกที่บางครั้งออกแนวน่ารำคาญ
หรือ การยัดเยียดคำคมชวนคิด(ในความคิดของเรา)ที่มีมากเกินไป แต่ตอนที่สนุกชวนลุ้น ก็ยังมีให้เห็นอยู่ ส่วนสิ่งที่เราชอบมากที่สุดของซีรีย์เรื่องนี้
คือ การหลอกผู้ชมเช่นเราจนเปื่อย แล้วอยู่ดีๆก็กลับมาพลิกมุมแบบคนละขั้วไปเลย ซาวน์แทรคที่ปล่อยออกมาได้เข้ากับช่วงจังหวะนั้นๆ
มุมถ่ายภาพที่ทำให้ดูแล้วมันเครียดและหน่วงๆในช่วงที่มันควรจะเครียด หรือ การเล่าเรื่องที่ทำให้ผู้ชมนั้นมีส่วนร่วม
ซีรีย์นี้ตีแผ่อะไร
: สังคมของคนแต่ละชนชั้น
เอลเลียตเป็นตัวแทนคนชนชั้นกลาง มีชีวิตแบบเดิมๆ
ตื่นนอน ไปทำงาน กลับบ้าน หรือมนุษย์เงินเดือน ซึ่งกิจกรรมของคนชนชั้นนี้
ก็จะหนีไม่พ้นการออกไปปาร์ตี้ด้วยกัน ดื่มสตารบัคส์ในตอนเช้า ดูหนังดีๆซะเรื่อง
แองเจล่า มอส เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ไฟแรง หวังที่จะก้าวหน้าในการงานอาชีพ
เชยล่าเป็นตัวแทนของคนชนชั้นล่าง ที่ต้องทำงานทุกๆอย่างที่ทำได้เพื่อเลี้ยงดูตัวเอง
ข้ามกลับมาที่ไทเรลเป็นตัวแทนของคนชนชั้นสูง คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ใฝ่หาในอำนาจ
ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา โปรดปรานการคุยโวเกี่ยวกับความรวยของตัวเอง
หาความจริงใจได้ยาก แม้กระทั่งในครอบครัวก็ตาม
ซีรีย์ตีแผ่อะไร
: อำนาจ ความทะเยอทะยาน
จะมีอยู่ตอนหนึ่งที่แองเจล่า
มอสโดนเสนองานในตำแหน่งที่ค่อนข้างดีจากบริษัทที่ตอนแรกเธอไม่ชอบด้วยซ้ำ
แต่ด้วยความที่เงินมันดีกว่า แองเจล่าก็เลยตัดสินใจรับงานนี้แบบไม่ลังเล
หรือจะเป็นตอนที่ไทเรลอยากขึ้นเป็นประธานฝ่าย IT ก็เช่นกัน
เราเคยอ่านกระทู้หนึ่งในพันทิปที่ว่าพระเอกหรือตัวละครหลักในปัจจุบันไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนที่เลิศเลอสมบูรณ์แบบแล้ว
เพราะสังคมในปัจจุบัน ไม่ใช่สังคมที่โหยหาคนในอุดมคติ แต่กลับโหยหาสิ่งที่พวกเขาสัมผัสได้จริงๆ
และตัวละครเอลเลียตคือตรง ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตมาในครอบครัวที่มีปัญหา
การติดมอร์ฟืน การเป็นโรคกลัวการเข้าสังคมและการพยายามแฮ๊คบุคคลที่รู้จักทุกคน หรือในด้านดีคือ
การช่วยเหลือจนสุดชีวิตกับบุคคลที่เอลเลียตรู้จัก และความฉลาด
บทละครเรื่องนี้จัดว่าดีมากๆ
นักแสดงแต่ละคนนี่ปล่อยคำคมๆออกมาแบบจี๊ด ทั้งนั้น โดยเฉพาะคำพูดเอลเลียตนี่แหละที่จี๊ด
เกือบทุกตอน
ช่วงเอลเลียตติดมอร์ฟืน
มีคำพูดหนึ่งที่พ่อเอลเลียตพูดออกมา คือ
พ่อไม่มีทางที่จะทิ้งเอลเลียตยังไงก็จะอยู่กับเอลเลียตตลอดไป จากตรงนี้แหละคะ
ที่ทำให้เห็นว่า ไม่ว่าคนเราจะใช้ชีวิตไปในทางที่ผิด หรือ ตกต่ำยังไงก็ตาม
สุดท้ายแล้วก็จะยังเป็นพ่อและแม่ที่อยู่เคียงข้างเราตลอดๆ หรือครอบครัวแองเจล่า
มอส ในช่วงที่แองเจล่าแทบไม่มีเงินเหลือ
พ่อของแองเจล่าก็เสนอตัวว่าให้เอาเงินเก็บของตัวเองไปตั้งตัวใหม่ ทั้งที่เงินเก็บคือเงินที่กู้มา
กรณีนี้ยกเว้นครอบครัวของไทเรลไว้นะคะ
การแสดง
ไม่ผิดหวังแน่ๆสำหรับการแสดงของนักแสดงทุกคนในเรื่อง
เล่นกันดีทุกคน แต่คนที่ตีบทแตกและแสดงออกมาได้โดดเด่นมากสำหรับเรามี3คน คนแรกคือ Rami Malek รับบทเป็นเอลเลียต พระเอกของเรื่องที่มีโรคกลัวการเข้าสังคมติดตัวมา Rami เล่นได้เหมือนจริงมาก
เหมือนคนที่คิดอะไรอยู่ในหัวตลอด แต่ไม่พูดออกมา ตาที่ดูลอยๆ
ท่าทางที่จะแปลกกว่าคนธรรมดาๆ ตอนที่เอลเลียตติดมอร์ฟืน อยากได้มอร์ฟืนแต่หาไม่ได้เนี่ย
บิดไปบิดมาร้องโอดครวญเหมือนคนอยากยาจริงๆเลย ตอนใกล้จะจบซีซั่น
ที่อาการของพระเอกจะกำเริบเห็นภาพหลอนต่างๆ Rami แสดงออกมาได้แบบไม่เขินเลย
คือเชื่อได้เลยว่าพระเอกของเรื่องนี้บ้าไปแล้ว คนที่สอง คือ Martin Wallström รับบทเป็นไทเรล
เวลลิคที่กำลังจะได้ขึ้นเป็นประธานฝ่ายไอทีของบริษัทที่ขึ้นชื่อว่าแทบจะคุมโลกใบนี้ทั้งหมดแล้ว
แต่คนอื่นกลับมาแย่งไป จึงทำให้เกิดความเครียดแค้นขึ้นมา ขออธิบายตรงนี้นิดนึง คือ
ที่ไทเรลเกิดความเครียดแค้นหนักขนาดนี้น่าจะเกิดมาจากตัวเองและภรรยาของตัวเองที่จะคอยกดดันอยู่ตลอด
“แบบล้มไม่ได้นะ
ถ้าล้มเธอก็ไม่ต้องเป็นครอบครัวเดียวกับฉัน” จากความกดดันที่กล่าวมาทำให้ตัวละครนี้น่าจะมีอาการทางจิตอ่อนๆ
ซึ่ง Martin แสดงออกมาได้สะพรึงมาก มีแววตาที่สื่อถึงความเครียด,ความแค้น,ความเหนี่อย,ความสับสนตลอด หรือจะเป็นตอนตะโกนไล่ลูกน้องหรือใครก็ตาม
ก็ทำได้ออกมาดีจริงๆ คนสุดท้ายสำหรับเรา คือ Stephanie Corneliussen แสดงเป็นโจแอนนา เวลลิค ภรรยาของไทเรล
สำหรับคนอื่นๆอาจจะมองว่าธรรมดาและไม่ได้มีบทเด่นอะไรเลย แต่เราชอบ Stephanie เพราะแสดงออกมาได้เหมือนผู้หญิงร้ายลึกที่มีความทะเยอทะยาน
ชอบและคลั่งในอำนาจ โดยจะเห็นได้ผ่านจากการควบคุมสามีหรือไทเรล
ที่จะกลัวภรรยาของตัวเองมากและยอมทำทุกอย่างที่ Stephanie หรือ โจแอนนาสั่ง ส่วนอีกสามคนที่ได้รับบทเด่น
แต่ยังไม่ค่อยถูกใจเราคือ Portia
Doubleday แสดงเป็นแองเจล่า
มอส เพื่อนสนิทของเอลเลียต,
Carly Chaikin แสดงเป็น
น้องชายของเอลเลียต และ Christian
Slater แสดงเป็นใครนี่ต้องไปดูกันเอง
ถ้าบอกต้องเป็นสปอยล์แน่ๆ
สุดท้ายแล้ว ถ้าใครชอบซีรีย์ที่เดินเรื่องแบบใหม่ๆหรือเน้นการคุยเป็นหลัก เราแนะนำซีรีย์เรื่องนี้นะคะ
แต่ถ้าใครไม่ชอบเราก็ไม่แนะนำคะ
คะแนนของซีรีย์คือ
8/10
และสุดท้ายก็ตัวอย่างซีรีส์จ้า
และสุดท้ายก็ตัวอย่างซีรีส์จ้า